ซื้อสินค้า VoIP คลิกไปที่ https://www.lazada.co.th/shop/adventek/

 

1. ขั้นตอนแรกต้องศึกษาความต้องการ เช่น สายใน (extensions) จำนวนเท่าไร เป็นแบบไหน เช่น IP phones หรือ soft phones

หรือ analog phones ผ่าน ATAs สายในจะเพิ่มขึ้นเท่าไรในปีที่ 2, ปีที่ 3   สายนอก (trunk) จำนวนเท่าไร เป็นแบบไหน

สายทองแดงธรรมดา หรือ SIP trunk และ จะเพิ่มขึ้นเท่าไรในปีที่ 2, ปีที่ 3   LAN สำหรับโทรศัพท์ต้องแยกจาก LAN data หรือไม่

PC/server ที่จะนำมาใช้เป็น IP-PBX จะต้องมี specification อย่างไร   ต้องมีระบบสำรองไฟฟ้าสำหรับ IP-PBX หรือไม่

 

2. ความต้องการอื่นๆ เช่น extension ใช้กี่ digits มีการบันทึกเสียงหรือไม่ มีระบบตอบรับหรือไม่ มี voicemail หรือไม่ call flow

อย่างไร โทรออกต้องตัด 9 หรือไม่ หรือ กดเบอร์โทรศัพท์ปลายทางได้เลย

 

3. เมื่อรวบรวมความต้องการทั้งหมดแล้ว เราก็สามารถเริ่มออกแบบระบบได้ (ในตอนต่อๆ ไปเราจะลองทำ load test IP-PBX เพื่อดูว่า

PC/server spec ต่างๆ จะรองรับ load (concurrent call, call per second) ได้มากน้อยแค่ไหน) ในบทความนี้เราจะลองกำหนด

ความต้องการ ดังนี้

- 20 extensions ใช้ IP phones ทั้งหมด (IP phones set เป็น static IP address)

- SIP trunk (02-xxx-xxxx) ของ NT ทั้งหมด

- ใช้ LAN ที่มีอยู่แล้ว (ใช้ร่วมกับ data)

- บันทึกเสียงขณะคุยกับสายนอก่เท่านั้น

- ใช้ 3 digits extensions, แผนกขาย 201 - 210, technical support 301 - 305, admin 401 - 405

- โทรออกสายนอก กด 9+number เช่น 9025255134, 90818052617 

- ไม่ใช้ voicemail

- เวลาทำการ จันทร์ - ศุกร์   09:00 - 18:00

- เสียงตอบรับในเวลาทำการ ->  แอดเวนเทค สวัสดีค่ะ ติดต่อแผนกขาย กด 1 ติดต่อแผนกซัพพอร์ท กด 2 แผนกธุรการ กด 3 หรือ

กดเบอร์ภายในที่ท่านทราบ

- เสียงตอบรับนอกเวลาทำการ -> ขณะนี้เป็นเวลาปิดทำการ กรุณาโทรมาใหม่ในเวลาทำการ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เก้านาฬิกา

ถึงสิบแปดนาฬิกา

 

4. ลงมือทำ

4.1 กำหนด static IP address ให้ IP-PBX = 192.168.100.17   (ขึ้นอยู่กับแต่ละ site, กำหนดได้ตามต้องการ)

4.2 กำหนด static IP address ให้ IP phones = 192.168.100.21 - 192.168.100.40   (ขึ้นอยู่กับแต่ละ site, กำหนดได้ตาม

ต้องการ, อาจจะใช้ dynamic IP address ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบ network)   network diagram ตามรูปข้างล่าง

 

4.2 สร้าง extension login เข้า IP-PBX คลิกไปที่ Connectivity -> Extensions -> Add Extension -> Add New SIP

[chan_pjsip] Extension

 

 

ใส่ User Extension = 201

ใส่ Display Name = 201 หรือ จะเป็นชื่อผู้ใช้งานก็ได้ โดยใส่เป็นภาษาอังกฤษ เช่น Somchai   ชื่อนี้จะไปแสดงที่ IP phone

ปลายทาง เมื่อเบอร์นี้โทรไปหา IP phone ปลายทาง

Secret จะกำหนดเอง หรือ ใช้ตัวที่ระบบกำหนดม่ให้ก็ได้

คลิกไปที่ Advanced -> Recording Options เพื่อกำหนดเงื่อนไขการบันทึกเสียงตาม requirements ในข้อ 3 แล้วคลิก Submit

และ Apply Config

 

 

ก็จะได้ extension 201 ดังรูป

 

 

สร้างเบอร์อื่นๆ แบบเดียวกัน จนครบ 20 เบอร์ 

 

 

คลิกไปที่ Settings -> Asterisk SIP Settings -> NAT Settings

 

 

ใส่ Local Networks ตามรูป (สามารถใส่ local network ได้หลายชุด ตามต้องการ) ลองคอนฟิก IP phone 2 ตัว extension 201

และ extension 202

 

 

Account Name = SIP User ID = Authenticate ID = User Extension (ใน IP-PBX)

SIP Server = IP address ของ IP-PBX

Authenticate Password = Secret (ใน IP-PBX)

Extension 202 ก็คอนฟิกเช่นเดียวกัน

 

 

ลองโทรหากัน ถ้าทุกอย่าง OK เราก็คอนฟิก ติดตั้ง IP phones ที่เหลือทั้งหมด ถึงตอนนี้เราก็โทรภายในกันได้แล้ว ตอนหน้าเราจะ

สร้าง SIP trunks และ Outbound Routes เพื่อโทรออกข้างนอกได้